วิจัยทดลองและเฉพาะกรณี

Experimental Research 

รับทำวิจัยเชิงทดลอง รับให้คำปรึกษาวิจัยเชิงทดลอง และจัดอบรมการทำ thesis เชิงทดลอง แบบเดี่ยวแบบกลุ่ม เป็นการวิจัยที่เน้นกระบวนการค้นหาความเป็นจริง หลักการทฤษฎี องค์ความรู้และเทคโนโลยีใหม่ ๆ โดยมุ่งเน้นการศึกษาความเปลี่ยนแปลงของตัวแปร ที่เกี่ยวข้องภายใต้เงื่อนไขที่มีการควบคุมโดยกระบวนการวิจัย เพื่อศึกษาพฤติกรรมหรือสถานการณ์ว่า เป็นสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงนั้นหรือไม่ โดยวิธีการเปรียบเทียบของความแตกต่าง ของตัวแปรที่เปลี่ยนไปกับพฤติกรรมที่เกิดขึ้น ในสภาพที่ถูกควบคุมและทำการสรุปผลความจริงที่ค้นพบ และนำไปอธิบายพฤติกรรมต่าง ๆ ในเชิงเหตุผลได้

จึงเป็นการวิจัยจากสาเหตุไปหาผลว่า ตัวแปรที่เกี่ยวข้องนั้นเป็นสาเหตุทำให้เกิดผลหรือไม่ และได้ยอมรับว่าเป็นการวิจัย ที่ให้ผลได้น่าเชื่อถือมากที่สุด โดยเฉพาะหากนำมาใช้กับการวิจัยทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สามารถนำมาพัฒนาองค์ความรู้ใหม่ ได้เป็นอย่างดี

วัตถุประสงค์ของการวิจัยเชิงทดลอง

  1. เพื่อค้นหาข้อเท็จจริงของสาเหตุ ที่ทำให้เกิดพฤติกรรม
  2. เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างสาเหตุและผลของตัวแปร
  3. เพื่อนนำผลการวิจัยไปประยุกต์ใช้
  4. เพื่อวิเคราะห์หาข้อบกพร่องของระบบ และนำไปแก้ไขปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพดีมากยิ่งขึ้น
  5. เพื่อนำไปใช้ในการทดลอง

องค์ประกอบของการวิจัยเชิงทดลอง

กลุ่มทดลอง หมายถึง กลุ่มตัวอย่างที่ได้รับการทดลองที่ได้กำหนดไว้ 2 กลุ่มควบคุม หมายถึงกลุ่มลักษณะที่มีลักษณะเหมือนกลุ่มทดลอง ทั้งเรื่องคุณสมบัติและจำนวนถูกปล่อย ให้เป็นไปตามสภาพปกติที่มีอยู่เดิม เพื่อใช้ในการเปรียบเทียบพฤติกรรมต่าง ๆ กับกลุ่มที่ทดลอง

ตัวแปรที่ใช้ในการวิจัยเชิงทดลอง มี 4 ชนิดด้วยกันคือ

  1. ตัวแปรอิสระหรือตัวแปรต้น คือตัวแปรที่คาดว่าจะเป็นต้นเหตุ หรือเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง จะเรียกอีกอย่างว่าตัวแปรทดลองก็ได้ ใช้ตัวย่อว่า X
  2. ตัวแปรตาม หมายถึงตัวแปรที่คาดว่า จะเป็นผลจากตัวแปรอิสระหรือตัวแปรต้น มีอิทธิพลมาจากการกระทำของตัวแปรอิสระ ใช้ตัวย่อว่า Y 
  3. ตัวแปรเชื่อมอยู่คือ ตัวแปรที่สอดแทรกเป็นตัวแปร ที่เกิดขึ้นจากพฤติกรรมใด ๆ ในระหว่างการดำเนินการทดลอง
  4. ตัวแปรแทรกซ้อนหรือตัวแปรภายนอกคือ ตัวแปรที่เกิดขึ้นระหว่างกระบวนการ ดำเนินการทดลองที่อาจมีอิทธิพลต่อการทดลอง เรียกอีกอย่างหนึ่งว่าตัวแปรควบคุม

ประโยชน์ของการวิจัยเชิงทดลอง

  1. ทำให้ทราบถึงสาเหตุที่แท้จริง ของปรากฏการณ์หรือพฤติกรรมต่างๆได้อย่างชัดเจน
  2. เป็นการวิจัยที่เหมาะสม สำหรับการวิจัยเชิงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
  3. สามารถนำมาพัฒนาการศึกษาให้ดีมากยิ่งขึ้น ทำให้ทราบจุดอ่อนจุดแข็งได้เป็นอย่างดี
  4. มุ่งพัฒนาและสร้างสรรค์ทฤษฎีและองค์ความรู้ใหม่ ๆ ทางด้านเทคโนโลยี เช่น นาโนเทคโนโลยี เป็นต้น

วิธีการดำเนินการวิจัยเชิงทดลอง

  1. ทำการพิสูจน์ว่าตัวแปรอิสระ เกิดขึ้นก่อนตัวแปรตาม
  2. ตัวแปรอิสระกับตัวแปรตาม มีความสัมพันธ์ในเชิงหลักการ
  3. มีการเปลี่ยนแปลงของตัวแปรตาม ซึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงของตัวแปรต้น

ข้อเสียของการดำเนินการวิจัยเชิงทดลอง

  1. กลุ่มตัวอย่างส่งผลทำให้การวิจัยคลาดเคลื่อนได้หากกลุ่มตัวอย่างนั้นมีคุณลักษณะที่แตกต่างกันมาก เช่น ประเพณีและวัฒนธรรม
  2. กระบวนการวิจัย หากขาดการควบคุมตัวแปรแทรกซ้อนที่รัดกุม อาจจะทำให้ผลการทดลองไม่ได้เป็นผล มาจากการทดลองที่แท้จริง
  3. หากขาดแบบแผนการทดลองที่ดี อาจจะทำให้เกิดความผิดพลาด
  4. ไม่สามารถตรวจสอบสมมุติฐานได้ทุกข้อ
  5. หากเลือกสถิติไม่เหมาะสมกับการทดลอง
  6. การสรุปผลไม่ถูกต้อง จะทำให้ขาดความเชื่อมั่น

การควบคุมตัวแปรแทรกซ้อนในการวิจัยเชิงทดลอง

  1. การวิจัยเชิงทดลองนั้น มักมีตัวแปรแทรกซ้อนเกิดขึ้นได้เสมอ ผู้วิจัยจะต้องพบกลุ่มตัวแปรต่างๆไม่ให้มีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงของตัวแปรตามอันเนื่องมาจากการศึกษาตัวแปรอิสระ ที่กำลังศึกษาอยู่เพื่อทำให้ทราบว่าตัวแปรตาม เป็นผลมาจากอิทธิพลของตัวแปรอิสระอย่างแท้จริง  ดังนั้นการควบคุมตัวแปรแทรกซ้อน จึงต้องใช้หลักการควบคุมที่เรียกว่าmax-min-con principle  เพื่อเพิ่มความแปรปรวนนี้ ให้เป็นระบบมากที่สุด
  2. ลดความแปรปรวนของความคลาดเคลื่อน
  3. ควบคุมตัวแปรแทรกซ้อน ที่ส่งผลอย่างมีระบบ
  4. ใช้สถิติ ซึ่งเทคนิคทางวิธีการสถิติ สามารถนำมาควบคุมตัวแปรแทรกซ้อนได้เป็นอย่างดี
  5. การตัดทิ้ง เป็นการกำจัดตัวแปรที่คิดว่ามีส่วนร่วมกับการทดลองออกไป จะสามารถคัดเลือกกลุ่มตัวอย่าง ที่มีความน่าสนใจเหมือนกันได้ เป็นต้น

แบบแผนในการวิจัยเชิงทดลอง

  1. แบบแผนการทดลองขั้นต้น ซึ่งเป็นพื้นฐานของการวิจัยเชิงทดลอง นำมาใช้ในการวางแผนการทดลอง โดยมุ่งเน้นการศึกษาการเปลี่ยนแปลงของตัวแปรตาม เนื่องมาจากอิทธิพลของตัวแปรต้น
  2. แบบแผนการทดลองจริง มุ่งเน้นการวิจัยเชิงทดลองแบบเต็มรูปแบบคือ มีการสุ่มกลุ่มตัวอย่างเพื่อให้เกิดการกระจาย ของกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม ให้ครอบคลุมประชากรทั้งหมด รวมถึงมีการควบคุมตัวแปรต้นและมีการสร้างกลุ่ม เพื่อเปรียบเทียบผลการทดลอง
  3. แบบแผนการทดลองกึ่งการทดลอง เป็นแบบแผนการทดลองที่มุ่งเน้น การดำเนินการเพื่อควบคุมตัวแปรอิสระหรือตัวแปรต้น กับการควบคุมเพื่อเปรียบเทียบ ผลการทดลองโดยไม่มีการสุ่มให้กลุ่มทดลองแต่อย่างใด
  4. แบบแผนการทดลองอื่น ๆ ซึ่งแบบแผนการทดลองอื่นๆ ที่ใช้ในการวิจัยเชิงทดลองเช่น One shot repeated measured design, Latin square design เป็นต้น

ดังนั้นใครก็ตามที่กำลังมองหาทีมงานมืออาชีพ ที่พร้อมให้คำปรึกษา คำแนะนำและให้ความช่วยเหลือ พร้อมรับทำวิจัยเชิงทดลอง (Experimental Research) ที่มีคุณภาพ บนพื้นฐานของราคาที่ยุติธรรม

Quasi-Experimental Research

รับทำวิจัยกึ่งทดลอง รับให้คำปรึกษาวิจัยกึ่งทดลอง และจัดอบรมการทำ thesis กึ่งทดลอง แบบเดี่ยวแบบกลุ่ม การวิจัยกึ่งทดลองเป็นการวิจัยเชิงปริมาณ ที่ใช้ในการศึกษาในห้องทดลอง หรือในภาคสนามหรือสถานการณ์ในชีวิตจริง ที่มีการจัดการกระทำกับตัวแปรอิสระ แต่ไม่สามารถทำการสุ่มตัวอย่างเข้ากลุ่มได้ โดยกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ อาจจะเป็นกลุ่มตัวอย่างที่มีอยู่แล้ว ตามสภาพธรรมชาติ เช่นนักเรียน ห้องเรียน มีลักษณะคล้ายคลึงกับการวิจัยเชิงทดลอง แต่การวิจัยจึงทดลองไม่มีการสุ่มกลุ่มตัวอย่างเข้ากลุ่ม สามารถสรุปการวิจัยกึ่งทดลองได้ดังต่อไปนี้

  1. มักใช้กลุ่มตัวอย่างที่มีอยู่ตามสภาพจริงตามธรรมชาติ ซึ่งบางครั้งก็ไม่มีกลุ่มควบคุม
  2. มีการจัดกระทำกับตัวแปรทดลองหรือตัวแปรอิสระ ซึ่งเป็นตัวแปรที่เกิดขึ้น เพื่อจะทำการทดลองว่าเป็นสาเหตุหรือไม่ ในกลุ่มทดลองโดยการจัดกระทำกับตัวแปรอิสระ อาจกระทำโดยนักวิจัยคนอื่นๆ การวิจัยกึ่งทดลองบางแบบ อาจไม่มีกลุ่มควบคุมแต่ใช้การวัดตัวแปรตามก่อน
  3. มีการควบคุมสถานการณ์ที่มากระทบต่อผล ที่เกิดจากการทดลองและตัวแปร ที่ไม่ต้องการศึกษาเพื่อให้เกิดผลสูงสุด อันเนื่องมาจากตัวแปรทดลอง จึงมีการควบคุมอิทธิพลของตัวแปรเกิน หรือสถานการณ์เงื่อนไขต่าง ๆ ที่ไม่ต้องการศึกษาและอาจจะมีผลต่อการทดลอง ซึ่งทำให้ผลการทดลองผิดพลาดหรือผิดเพี้ยนไป ดังนั้นเพื่อให้ผลการทดลองถูกต้อง ตรงกับความเป็นจริง ต้องมีการควบคุมสถานการณ์ ที่มากระทบกระเทือนต่อการวิจัย
  4. พัฒนาขึ้นมาเพื่อให้มีความสมดุล ทั้งความเที่ยงตรงภายในและภายนอก คือผลของการแปรเปลี่ยนในตัวแปรตาม เนื่องมาจากตัวแปรอิสระที่ต้องการศึกษาโดยพยายามขจัดอิทธิพลของตัวแปรเกิน ที่ส่งผลต่อตัวแปรตามให้หมดไป
  5. มุ่งเน้นสร้างสถานการณ์ขึ้นแล้ว สังเกตผลที่ตามมา มุ่งทดสอบสมมุติฐานควบคุมตัวแปรเกินแล้วปล่อยให้ตัวแปรอิสระ ส่งผลต่อตัวแปรตามและวัดผลตัวแปรตาม

ปัจจัยที่มีผลต่อความเที่ยงตรงภายในการวิจัยกึ่งทดลอง

  1. เหตุแทรกซ้อนคือ มีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นในอนาคตแล้วมีผลต่อตัวแปรตาม
  2. วุฒิภาวะมีการเปลี่ยนแปลงทางจิตใจร่างกาย ของกลุ่มตัวอย่าง
  3. การทดลองจะได้คะแนนสูงขึ้น ในการทดสอบภายหลังการทดลอง
  4. เครื่องมือการวิจัย เครื่องมือการวิจัยมีความเที่ยงตรง มีมาตรฐาน
  5. อคติในการเลือกกลุ่มตัวอย่าง มักเกิดจากการเลือกกลุ่มตัวอย่าง โดยอคติของผู้วิจัย
  6. การสูญหายของกลุ่มประชากร ระหว่างการทดลองมักเกิดขึ้นในการทดลองที่ใช้เวลายาวนาน

ขั้นตอนการวิจัยกึ่งทดลอง

  1. กำหนดปัญหาและบ่งชี้ปัญหาการวิจัยให้ชัดเจน
  2. การตั้งสมมุติฐานในการวิจัย เพื่อเป็นการหาคำตอบที่ผู้วิจัยคาดหวัง จะได้รับจากการวิจัยกึ่งทดลอง
  3. การออกแบบการวิจัย ต้องมีการกำหนดประชากรกลุ่มตัวอย่าง การจัดกลุ่มตัวแปรเข้ากลุ่มทดลอง และกลุ่มเปรียบเทียบ มีการควบคุมตัวแปรต่างๆ
  4. การเลือกเครื่องมือในการวิจัย การศึกษาการนำร่อง เพื่อความเป็นไปได้ในการทดลอง การวางแผนการดำเนินงาน
  5. ดำเนินการตามแผนที่กำหนดไว้
  6. จัดเรียงข้อมูล
  7. วิเคราะห์ผลการทดลอง
  8. สรุปผลการทดลองและเขียนรายงาน

ประโยชน์ของการวิจัยแบบกึ่งทดลอง

  1. หากในกรณีไม่สามารถควบคุมสภาพการณ์ทดลองได้ อย่างเคร่งครัด สามารถใช้รูปแบบการวิจัยแบบกึ่งทดลองได้
  2. หากในกรณีที่ไม่สามารถสุ่มกลุ่มตัวอย่าง จากประชากรได้ เนื่องจากข้อจำกัด สามารถใช้รูปแบบการวิจัยแบบ กึ่งทดลองได้
  3. ผลการทดลองสามารถแสดงถึง ความสัมพันธ์ที่เป็นเหตุเป็นผลกันได้ใน
  4. สามารถใช้ทดสอบทฤษฎี เพื่อยืนยันว่าทฤษฎีนั้นยังมีความถูกต้อง ทันสมัย

ข้อดีของการวิจัยกึ่งทดลอง 

  1. เป็นทางเลือกในการตรวจสอบ ความสัมพันธ์เชิงเหตุผลในสถานการณ์ ที่ไม่เอื้ออำนวยที่จะทำการควบคุมการทดลองได้ อย่างสมบูรณ์แบบ โดยเฉพาะการวิจัยเชิงพฤติกรรมของมนุษย์
  2. สามารถที่จะนำมาใช้ในเชิงปฏิบัติ และสามารถอ้างอิงผลและนำไปใช้ในสถานการณ์จริงได้
  3. เหมาะที่จะใช้กรณีที่ผู้วิจัย ไม่สามารถทำการสุ่มกลุ่มตัวอย่างเข้ากลุ่มทดลองได้ โดยเฉพาะการวิจัยภาคสนาม

ดังนั้นใครก็ตามที่กำลังมองหาทีมงานมืออาชีพ ที่พร้อมให้คำปรึกษา คำแนะนำและให้ความช่วยเหลือ พร้อมรับทำวิจัยวิจัยกึ่งทดลอง (Quasi-Experimental Research) ที่มีคุณภาพ บนพื้นฐานของราคาที่ยุติธรรม

Case Study 

รับทำวิจัยเฉพาะกรณีรับให้คำปรึกษาวิจัยเฉพาะกรณี และจัดอบรมการทำ thesis เฉพาะกรณี แบบเดี่ยวแบบกลุ่ม การวิจัยเฉพาะกรณีเป็นการศึกษากรณีพิเศษที่น่าสนใจ ซึ่งนักวิจัยจะหารายละเอียดของปฏิสัมพันธ์ ระหว่างกรณีที่ศึกษากับบริบทต่างๆ เพื่อทำให้เกิดความเข้าใจกิจกรรม ความซับซ้อนของกรณีต่างๆภายใต้เงื่อนไข ซึ่งกรณีศึกษาจะต้องมีขอบเขตที่ชัดเจนมีความสมบูรณ์ ทั้งในแง่ของเวลาสถานที่เนื้อหาและบริบทด้วย

ประโยชน์ในการวิจัยเฉพาะกรณี  จะทำให้เกิดความเข้าใจถึงประเด็นนั้นๆได้เป็นอย่างดี มีความเฉพาะเจาะจง และมีขอบเขตที่ชัดเจน การศึกษาจะศึกษาทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ ใช้ทั้งสองควบคู่กัน  การศึกษานั้นอาจจะศึกษาเป็นบุคคล เหตุการณ์ องค์กร กลุ่มวัฒนธรรม 

วิจัยเฉพาะกรณี แบ่งออกเป็น 4 ชนิด คือ 

รูปแบบของการวิจัยนั้น มีหลากหลายวิธี ซึ่งจะเลือกวิธีใดก็ตามนั้นอยู่ที่ความเหมาะสมของปัญหาการวิจัยในแต่ละเรื่องมากกว่า

  1. Historical Organizational เป็นการศึกษาแบบกรณีศึกษา โดยศึกษาองค์กรองค์กรหนึ่งอย่างต่อเนื่อง หรือเป็นการติดตามเกี่ยวกับพัฒนาการขององค์กร เป็นต้น 
  2. Observational เป็นการศึกษาที่ใช้การสังเกต แบบมีส่วนร่วม เป็นวิธีการพื้นฐานของการเก็บรวบรวมข้อมูลในการศึกษาบางสิ่งเฉพาะเจาะจงไป เช่น การศึกษาเกี่ยวกับโรงเรียน ชั้นเรียนในห้อง ในชั้น ชั้นหนึ่ง 
  3. Life History เป็นการศึกษาแบบเล่าหรือบรรยาย บุคคล ความเป็นมาหรือประวัติของบุคคล
  4. Situation Analysis ศึกษาเหตุการณ์เฉพาะโดยอาศัยมุมมองที่ แตกต่างหลากหลาย 
  5. Multi cases เป็นการศึกษาที่มีความแตกต่าง มีความหลากหลายและเป็นอิสระต่อกัน 
  6. Multi sits เป็นการศึกษาที่ใช้แหล่งต่างๆจำนวนมาก หรือใช้ความร่วมมือในการวิจัยจากหลายฝ่าย โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาให้ดีขึ้น

จุดมุ่งหมายของการศึกษาวิจัยเฉพาะกรณี 

  1. เพื่อพัฒนารูปแบบแนวความคิด (To Developa ConceptModel) เป็นการวิจัยที่เน้นสำรวจและ ค้นหาเพื่อบรรยายอย่างละเอียด 
  2. เพื่ออธิบายและวิเคราะห์สถานการณ์ (To describe and Analyze a Situation, Event และ Process) การเหมาะในการศึกษาคนที่มี ลักษณะเบี่ยงเบนจากปกติ เช่น หรือผู้ที่มีทักษะในการใช้ต่างชาติ มักที่จะใช้กับเรื่องที่โต้แย้ง
  3.  เพื่อวิพากษ์ความเชื่อทางสังคม วัฒนธรรมและการปฏิบัติ (To Criticize Social and Cultural Believes and Practices) การศึกษาในเชิงทฤษฎี เช่น การศึกษาสิทธิ สตรี การตกต่างทางกลุ่มศาสนา เชื้อชาติ ชนชั้นทางสังคม เป็นต้น
  4. เพื่อประเมินโครงการ (To evaluate the Program) เป็นการประเมินบริบทของเหตุการณ์ เน้นการประเมินผลลัพธ์ที่ เกิดขึ้น เน้นความสำเร็จของกิจกรรมและโครงการต่างๆ โดยอาศัยทฤษฎีการประเมินมาช่วย
  5. เพื่อกำหนดประเด็นนโยบาย (To identify Policy Issues) โดยการใช้การศึกษาแบบกรณี เช่น การวิเคราะห์โครงสร้างทางเศรษฐกิจและทาง นโยบายของชุมชน เป็นต้น
  6. เพื่อสนับสนุนโครงการวิจัยขนาดใหญ่ (To Contribute to Large – Scale Research Projects) การวิจัยจะช่วยในการศึกษากระบวนการ และความสัมพันธ์ระหว่างประเด็นที่ศึกษาย่อย ๆ เน้นข้อมูล เชิงประจักษ์
  7. เพื่อใช้นำร่องไปสู่การทำวิจัยเชิงปริมาณ (To Serve as a Precursor to Quantitative Research) เป็นวิธีการนำไปสู่การวิจัยเชิงปริมาณ ใช้วิธีการทดลองควบคู่ไปด้วย

วิธีการดำเนินการศึกษาแบบวิจัยเฉพาะกรณี

1.เลือกกลุ่มตัวอย่าง  

2. การกำหนดกลุ่มตัวอย่าง 

3. การกำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่าง 

4. ระยะของการเก็บรวบรวมข้อมูลและ การวิเคราะห์ยุทธศาสตร์ 

5. การดำเนินการเก็บข้อมูล โดยมีขั้นตอน 5 ขั้นตอน คือ 

  • ระยะที่ 1 การวางแผน 
  • ระยะที่ 2 การเริ่มเก็บข้อมูล 
  • ระยะที่ 3 การเก็บข้อมูลพื้นฐาน 
  • ระยะที่ 4 การสรุปการเก็บข้อมูล 
  • ระยะที่ 5 การแก้ไขปรับปรุงให้สมบูรณ์ 

5. การเก็บและการวิเคราะห์

6. การจัดระเบียบข้อมูล (Dataclassification)

7. การวิเคราะห์ข้อมูล (Data analysis)

รูปแบบของการวิจัยเฉพาะกรณี  มี 3 รูปแบบคือ 

  1. ศึกษาเชิงพรรณนา (descriptive) 
  2. ศึกษาแบบมุ่งการค้นหา (exploratory) 
  3. ศึกษาแบบมุ่งหาคำ อธิบาย (explanatory) 

ดังนั้นใครก็ตามที่กำลังมองหาทีมงานมืออาชีพ ที่พร้อมให้คำปรึกษา คำแนะนำและให้ความช่วยเหลือ พร้อมรับทำวิจัยเฉพาะกรณี (Case-Study Research) ที่มีคุณภาพ บนพื้นฐานของราคาที่ยุติธรรม

ติดต่อเราตอนนี้