Descriptive Research
รับทำวิจัยพรรณนา รับให้คำปรึกษาวิจัยพรรณนา และจัดอบรมการทำ thesis วิจัยพรรณนา แบบเดี่ยวแบบกลุ่ม การวิจัยพรรณนานั้น เป็นการวิจัยที่มุ่งศึกษาพรรณนา ถึงสภาพที่เป็นอยู่ของปรากฏการณ์นั้น ๆ เป็นการวิจัยที่มุ่งค้นหาข้อเท็จจริง หรืออธิบายปรากฏการณ์สภาพการณ์ที่ปรากฏในปัจจุบันว่า มีสภาพความเป็นจริงอย่างไร อาจจะใช้วิธีการศึกษาแบบสำรวจ หรือแบบหาความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร หรือแบบ พัฒนาการก็ได้ นิยมวิจัยเกี่ยวกับเรื่องความเชื่อ ความคิดเห็น เจตคติ หรือสภาพการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
ลักษณะสำคัญของการวิจัยบรรยายหรือพรรณนา
- การวิจัยพรรณนาและแปลความหมายของปรากฏการณ์ ที่เกิดขึ้นตามสภาพ
- ผู้วิจัยไม่ได้ทำการรวบรวมข้อมูลใด เพียงแต่ทำการรวบรวมข้อมูล และวิเคราะห์และนำมาเสนอ
- การศึกษาไม่ได้ทำการควบคุมตัวแปรใด ๆ จึงปล่อยให้เป็นไปตามนั้นสภาพตามธรรมชาติ
ความมุ่งหมายของการวิจัยบรรยายหรือพรรณนา
- เพื่อรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง กับสภาพการณ์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
- เพื่อนำข้อมูลไปตีความหมาย อธิบาย ประเมินผล และเปรียบเทียบ
- เพื่อที่จะทราบความสัมพันธ์ของแนวโน้มของเหตุการณ์
- เพื่อสร้างเกณฑ์มาตรฐานของสิ่งที่ได้ศึกษา เพื่อเปรียบเทียบแนวทางแสวงหาความรู้ และความจริง
- เพื่อทราบหลักเหตุผล และการปฏิบัติ เพื่อแก้ปัญหา เพื่อหาทางปรับปรุง
ชนิดของการวิจัยบรรยายหรือพรรณนา แบ่งตามลักษณะของการวิจัยได้ 3 ชนิด คือ
1. การวิจัยสำรวจ (survey research) เป็นการวิจัยที่มุ่งศึกษาข้อเท็จจริง เรื่องราว เหตุการณ์ หรือสิ่งที่เป็นอยู่ในขณะที่ทำการวิจัย เพื่อเปรียบเทียบตัวแปรแต่ละตัวแปรเป็นที่นิยมสำหรับวิจัยสังคมศาสตร์ และวิจัยบริหารธุรกิจ เช่น การสำรวจการศึกษา การสำรวจชุมชน การทำประชามติ เป็นต้น
2. การวิจัยย้อนรอย (expost facto / post facto / causal-comparative research) คล้าย ๆ การวิจัยแบบทดลอง แต่ตัวแปรที่ศึกษาไม่สามารถนำมาใช้ได้ เนื่องจากเกิดขึ้นไปแล้ว เป็นการศึกษาย้อนจากผลไปหาสาเหตุ gเช่น การศึกษาเฉพาะกรณี การศึกษาสหสัมพันธ์ เป็นต้น
3. การวิจัยพัฒนาการ เป็นการศึกษาที่พิจารณา ความก้าวหน้าหน้าของสภาพหรือปรากฏการณ์ รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นใช่วงเวลาหนึ่ง เพื่อที่จะดูวิวัฒนาการหรือพัฒนาการหรือความเปลี่ยนแปลงของกลุ่มตัวอย่าง เช่น การศึกษาการเจริญงอกงาม (Growth Studies) การศึกษาแนวโน้ม (Trend Studies) เป็นต้น
ขั้นตอนของการวิจัยบรรยายหรือพรรณนา
- การเลือกปัญหาในการวิจัย ปัญหาในหารวิจัย มาจากผลการวิจัยที่ผ่านมาแล้วซึ่งผู้วิจัยต้องการศึกษาว่าปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น เกิดจากสาเหตุใดประเด็นปัญหาของการวิจัยบรรยาย จึงเกี่ยวข้องกับเรื่องของการแสดงความคิดเห็น การศึกษาแนวโน้ม การติดตาม เป็นต้น
- การนิยามคำจำกัดความของปัญหาการวิจัยการเลือกปัญหาการวิจัยที่ดี จะทำให้การนิยามคำจํากัดความของปัญหามีความชัดเจนและ สามารถดําเนินการวิจัยต่อไปได้ โดยเฉพาะวัตถุประสงค์ของการวิจัยจะต้องมีความชัดเจนถึงเป้าประสงค์ที่ต้องการจะหาคำตอบด้วย เพื่อสามารถตอบปัญหาการวิจัยได้อย่างครอบคลุมทั้งหมด
- การวางแผนการดำเนินการวิจัย
– การกำหนดกลุ่มตัวอย่างและวิธีการคัดเลือกกลุ่มตัวอย่าง
– การสร้างเครื่องมือที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูล เช่น แบบสอบถาม แบบสัมภาษณ์ เป็นต้น
– การวางแผนการเก็บรวบรวมข้อมูล เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องมาก
– การวางแผนการเลือกใช้สถิติ ให้สอดคล้องกับข้อมูลและสมมติฐาน - การวิเคราะห์ข้อมูลและการแปลผล
เกิดภายหลังจากการเก็บรวบรวมข้อมูล จากกลุ่มตัวอย่างที่เกี่ยวข้อง โดยใช้เครื่องมือ การวิเคราะห์ข้อมูลและแปรผล ขั้นตอนนี้เกิดภายหลังจากเราเก็บรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างแล้วโดยใช้เครื่องมือที่สร้างขึ้นมา โดยจะแปลผลจะแปลตามวัตถุประสงค์หลัก ของการวิจัยรวมถึงการทดสอบสมมุติฐาน ซึ่งผลการวิเคราะห์นั้นจะใช้ในการตอบประเด็นปัญหา ของการวิจัยได้ - การสรุปและอภิปรายผลการวิจัย
ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนต่อเนื่อง จากการวิเคราะห์ข้อมูลและแปรผล โดยจะเขียนสรุปการค้นพบการวิจัย โดยใช้การอ้างอิงจากสถิติต่าง ๆ จะเห็นได้ถึงความสัมพันธ์ของตัวแปรที่ทำการศึกษา ตามประเด็นปัญหาของการวิจัย สามารถเพิ่มความเชื่อถือของการวิจัยได้ - การเขียนรายงานและเผยแพร่
ขั้นตอนนี้จะเป็นขั้นตอนภายหลัง จากการได้ข้อสรุปของการวิจัยแล้ว โดยการเขียนรายงานจะเป็นไปตามมาตรฐาน ของการเขียนรายงานการวิจัย และมีข้อมูลอ้างอิงจากแหล่งต่างๆ เพื่อให้ข้อมูลมีความสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น และนำเสนอในโอกาสถัดไป
ข้อด้อยของการวิจัยบรรยายหรือพรรณนา
- การคัดเลือกกลุ่มตัวอย่าง หากคัดเลือกไม่ดี ไม่สามารถเป็นตัวแทนของประชากรได้
- หากนิยามปัญหาของการวิจัยไม่ชัดเจน จะทำให้กระบวนการของการวิจัยคลุมเครือ ส่งผลทำให้ผลการวิจัยไม่มีคุณภาพ
- การวิจัยบรรยายส่วนมาก จะได้ข้อมูลทุติยภูมิ ดังนั้นจึงมีความน่าเชื่อถือน้อยกว่าการเก็บข้อมูลจากแหล่งข้อมูลชั้นประถมภูมิ
- เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยบางอย่าง ขาดความเที่ยงตรงและยังขาดความเชื่อมั่น
- การเลือกใช้สถิติในการวิเคราะห์ หากไม่สอดคล้องกับลักษณะของข้อมูล อาจจะทำให้ผลการวิจัยไม่มีความสมบูรณ์
- หากสรุปผลการวิจัยอยู่ในวงแคบ อาจจะไม่ทันกับความเป็นจริงของสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลง
ประโยชน์ของการวิจัยบรรยายหรือพรรณนา
- ทำให้มีความรู้ความเข้าใจ ต่อสถานการณ์และปรากฏการณ์การต่างๆได้ชัดเจน และมีความถูกต้อง
- ทราบข้อเท็จจริงต่าง ๆ ตามสถานการณ์ และตัวแปรสามารถนำไปใช้ในการวางแผน ให้สู่เป้าหมายได้
- ทำให้ทราบความสัมพันธ์ของตัวแปรที่เกี่ยวข้อง สามารถนำไปใช้แก้ไขปัญหาต่างๆได้ดี
- เหมาะสำหรับการวิจัยด้านสังคมศาสตร์ เนื่องจากสามารถศึกษารายละเอียด ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับประชากรได้เป็นอย่างดี
- สามารถนำไปใช้เป็นข้อมูลพื้นฐาน ในการกำหนดประเด็นปัญหา ที่มาของปัญหา
- เมื่อเปรียบเทียบกับการวิจัยประเภทอื่น ๆ สามารถทำได้ง่ายมากกว่าและมีประโยชน์คนส่วนใหญ่
จะเห็นได้เลยว่าขั้นตอนในการรับวิจัยบรรยายหรือพรรณนานั้น เป็นงานวิจัยที่ค่อนข้างจะสลับซับซ้อน ดังนั้นต้องใช้เวลาและความละเอียดรอบคอบ ในการเก็บข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูล ดังนั้นการหาทีมงานมืออาชีพที่รับวิจัยบรรยายหรือพรรณนา อบรบรมการทำ Thesis ด้วยสถิติ บรรยาย ท่านจะไม่ต้องเสียเวลาไปหาทีมงานที่ไหน เรามีบริการครบเครื่องของการวิจัย ไว้คอยบริการท่าน
การวิจัยเปรียบเทียบสาเหตุคือ การวิจัยที่มุ่งศึกษาสาเหตุ ที่อาจเป็นไปได้ของผลที่เกิดขึ้น โดยทั้งเหตุและผลได้เกิดขึ้นอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งการศึกษาถึงผลที่เป็นไปได้ของตัวแปรอิสระ ที่มีต่อตัวแปรตามผู้วิจัย ไม่สามารถจัดกระทำหรือควบคุมตัวแปร และสิ่งที่น่าจะเป็นสาเหตุได้ การวิจัยประเภทนี้จึงมิได้เป็นการพิสูจน์ถึงความเป็นสาเหตุ แต่ย้อนไปถึงสิ่งที่น่าจะเป็นสาเหตุมากกว่า
ลักษณะของการวิจัยเปรียบเทียบสาเหตุ
- เป็นการวิจัยที่พยายามศึกษาถึงสาเหตุ หรือผลความแตกต่างของพฤติกรรม กลุ่มคน บุคคลหรือสถานการณ์ต่างๆ
- เป็นการวิจัยที่ไม่สามารถจะกระทำ หรือควบคุมตัวแปรหรือสิ่งที่คาดว่าน่าจะเป็นสาเหตุได้ แต่สังเกตตัวแปรตามและผลที่จะตามมาย้อนหลัง ที่น่าจะเป็นเหตุหรือเป็นตัวแปรอิสระ
- เป็นการศึกษาจะที่มีลักษณะการสอบสวนสืบสวน
- ตัวแปรอิสระ ตัวแปรที่ศึกษามีการจัดกระทำ เพื่อทดลองหาเหตุและผลไม่ได้โดยตรง เช่น พฤติกรรมการสูบบุหรี่ หรือสถานภาพรายได้ของผู้ปกครอง ที่มีผลกับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน เป็นต้น
- การศึกษาเน้นการเปรียบเทียบ ที่มีความแตกต่างอยู่แล้วในบางตัวแปร การศึกษาจึงทำได้แค่หาสาเหตุและความแตกต่างของตัวแปรนั้น
- ศึกษาความสัมพันธ์ในลักษณะย้อนรอย และนำไปสู่การวิจัยทดลอง
ขั้นตอนในการทำวิจัยเปรียบเทียบสาเหตุ
การดำเนินการวิจัยเปรียบเทียบ มีด้วยกันทั้งหมด 4 ขั้นตอนคือ
- การระบุปัญหาหรือคำถามวิจัย ซึ่งการตั้งคำถามในการวิจัยเปรียบเทียบ มักจะเกิดจากหลักการทฤษฎีและการสังเกต ให้เห็นถึงความแตกต่าง
- การตั้งสมมุติฐาน เกิดจากปัญหาและผลที่สังเกตพบ ผู้วิจัยสามารถสืบค้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นผลงานวิจัย หรือทฤษฎีที่ผ่านมา โดยมาทำการตั้งสมมุติฐานรองรับ
- การดำเนินการวิจัย ซึ่งขั้นตอนของการดำเนินการวิจัย การออกแบบการวิจัยการออกแบบการวิจัยเปรียบเทียบสาเหตุ มี 2 รูปแบบคือ รูปแบบความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรและรูปแบบกลุ่มเปรียบเทียบ
- การเลือกกลุ่มตัวอย่าง เป็นการเลือกกลุ่มตัวอย่าง เพื่อเปรียบเทียบความสำคัญในการสรุปอ้างอิง ของผลการวิจัย เช่น การเลือกกลุ่มนักเรียนที่มีผลการเรียนสูง และกลุ่มนักเรียนที่มีผลตอนเรียนต่ำ เป็นต้น
- การเก็บรวบรวมข้อมูล เมื่อระบุตัวแปรซึ่งมีความแตกต่างกัน ความแตกต่างกันในกลุ่มที่ศึกษา โดยผู้วิจัยจะทำการเก็บรวบรวมข้อมูล โดยอาจจะใช้เครื่องมือต่าง ๆในการวัด โดยอาจจะเป็นแบบสอบถามหรือเครื่องมืออื่นๆ
- การวิเคราะห์ข้อมูลแปลผล การวิเคราะห์ข้อมูลสามารถใช้เครื่องมือทางสถิติ ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้หลากหลาย อย่างเช่น การวิเคราะห์ความแปรปรวน การวิเคราะห์การถดถอยพาหุสูตร การวิเคราะห์เส้นทางการวิเคราะห์ความแปรปรวนร่วม
- การแปลผลจากข้อมูลที่ได้จากการวิเคราะห์ข้อมูล ขั้นตอนนี้ผู้วิจัยจะต้องนำผลจากการวิเคราะห์มาตีความ เพื่อให้ได้ข้อสรุปซึ่งเป็นขั้นตอนที่สำคัญเป็นอย่างมาก โดยการตีความจะต้องดูว่า มีปัจจัยหลักเป็นตัวแปรที่มีความสัมพันธ์เด่นชัดที่สุด กับตัวแปรตามหรือไม่ หรือปัจจัยตัวใดที่มีความสัมพันธ์เด่นชัดสุด กับตัวแปรตามหรือผลที่ได้มีปัจจัยใดมาเกี่ยวข้อง และมีน้ำหนักเป็นอย่างไรและมีปัจจัยหลักใดที่มีแนวโน้มจะเป็นสาเหตุสำคัญทำให้เกิดผลดังกล่าว
ข้อดีของการวิจัยเปรียบเทียบสาเหตุ
- เป็นการวิจัยที่เหมาะสำหรับการศึกษาปัญหา ที่ไม่สามารถทำการทดลองได้ เพราะหากว่าใช้วิธีการทดลอง จะสิ้นเปลืองเวลาและงบประมาณเป็นอย่างสูง
- การวิจัยแบบนี้ให้ข้อมูลกว้างมากกว่าการวิจัยทดลอง เพราะสามารถศึกษาตัวแปร ได้อย่างครอบคลุม
- ในการศึกษาบางกรณีนั้น การศึกษาเปรียบเทียบสาเหตุ เหมาะสมมากกว่าการวิจัยทดลอง โดยเฉพาะในการศึกษาสถานการณ์ที่ต้องการความเป็นธรรมชาติ
- การวิจัยเปรียบเทียบเหมาะสำหรับ การศึกษาความสัมพันธ์สาเหตุที่ไม่ซับซ้อนถ้าเหมาะสำหรับการศึกษาวิจัย สำหรับการเริ่มต้นเพราะข้อมูลสามารถบ่งชี้ ถึงแนวโน้มความสัมพันธ์สาเหตุได้
ข้อจำกัดของการวิจัยเปรียบเทียบสาเหตุ
- ในการวิจัยผู้วิจัยไม่มีความรอบรู้ หรือไม่ระมัดระวังในการวิจัย อาจจะทำให้ผลในการวิจัยคลาดเคลื่อน
- การสรุปผลทำได้ยาก หากมีตัวแปรที่มีอิทธิพลหลายตัวแปร
- ผลที่เกิดขึ้นในต่างวาระนั้น อาจจะมาจากสาเหตุที่แตกต่างกัน ดังนั้นจึงยากที่จะสรุปผลได้
- ความสัมพันธ์สาเหตุ อาจผูกพันจากความหมาย ทำให้สามารถสรุปผลได้ยาก เนื่องจากมีหลายสาเหตุ
ดังนั้นใครก็ตามที่กำลังมองหาทีมงานมืออาชีพ ที่พร้อมให้คำปรึกษา คำแนะนำและให้ความช่วยเหลือ พร้อมรับทำวิจัยวิจัยเปรียบเทียบสาเหตุ (Causal-Comparative Research) ที่มีคุณภาพ บนพื้นฐานของราคาที่ยุติธรรม
Causal-Comparative Research
รับทำวิจัยเปรียบเทียบสาเหตุ รับให้คำปรึกษาวิจัยเปรียบเทียบสาเหตุ และจัดอบรมการทำ thesis เปรียบเทียบสาเหตุ แบบเดี่ยวแบบกลุ่ม การวิจัยเปรียบเทียบสาเหตุ คือ การวิจัยที่มุ่งศึกษาสาเหตุ ที่อาจเป็นไปได้ของผลที่เกิดขึ้น โดยทั้งเหตุและผลได้เกิดขึ้นอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งการศึกษาถึงผลที่เป็นไปได้ของตัวแปรอิสระ ที่มีต่อตัวแปรตามผู้วิจัย ไม่สามารถจัดกระทำหรือควบคุมตัวแปร และสิ่งที่น่าจะเป็นสาเหตุได้ การวิจัยประเภทนี้จึงมิได้เป็นการพิสูจน์ถึงความเป็นสาเหตุ แต่ย้อนไปถึงสิ่งที่น่าจะเป็นสาเหตุมากกว่า
ลักษณะของการวิจัยเปรียบเทียบสาเหตุ
- เป็นการวิจัยที่พยายามศึกษาถึงสาเหตุ หรือผลความแตกต่างของพฤติกรรม กลุ่มคน บุคคลหรือสถานการณ์ต่างๆ
- เป็นการวิจัยที่ไม่สามารถจะกระทำ หรือควบคุมตัวแปรหรือสิ่งที่คาดว่าน่าจะเป็นสาเหตุได้ แต่สังเกตตัวแปรตามและผลที่จะตามมาย้อนหลัง ที่น่าจะเป็นเหตุหรือเป็นตัวแปรอิสระ
- เป็นการศึกษาจะที่มีลักษณะการสอบสวนสืบสวน
- ตัวแปรอิสระ ตัวแปรที่ศึกษามีการจัดกระทำ เพื่อทดลองหาเหตุและผลไม่ได้โดยตรง เช่น พฤติกรรมการสูบบุหรี่ หรือสถานภาพรายได้ของผู้ปกครอง ที่มีผลกับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน เป็นต้น
- การศึกษาเน้นการเปรียบเทียบ ที่มีความแตกต่างอยู่แล้วในบางตัวแปร การศึกษาจึงทำได้แค่หาสาเหตุและความแตกต่างของตัวแปรนั้น
- ศึกษาความสัมพันธ์ในลักษณะย้อนรอย และนำไปสู่การวิจัยทดลอง
ขั้นตอนในการทำวิจัยเปรียบเทียบสาเหตุ
การดำเนินการวิจัยเปรียบเทียบ มีด้วยกันทั้งหมด 4 ขั้นตอนคือ
- การระบุปัญหาหรือคำถามวิจัย ซึ่งการตั้งคำถามในการวิจัยเปรียบเทียบ มักจะเกิดจากหลักการทฤษฎีและการสังเกต ให้เห็นถึงความแตกต่าง
- การตั้งสมมุติฐาน เกิดจากปัญหาและผลที่สังเกตพบ ผู้วิจัยสามารถสืบค้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นผลงานวิจัย หรือทฤษฎีที่ผ่านมา โดยมาทำการตั้งสมมุติฐานรองรับ
- การดำเนินการวิจัย ซึ่งขั้นตอนของการดำเนินการวิจัย การออกแบบการวิจัยการออกแบบการวิจัยเปรียบเทียบสาเหตุ มี 2 รูปแบบคือ รูปแบบความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรและรูปแบบกลุ่มเปรียบเทียบ
- การเลือกกลุ่มตัวอย่าง เป็นการเลือกกลุ่มตัวอย่าง เพื่อเปรียบเทียบความสำคัญในการสรุปอ้างอิง ของผลการวิจัย เช่น การเลือกกลุ่มนักเรียนที่มีผลการเรียนสูง และกลุ่มนักเรียนที่มีผลตอนเรียนต่ำ เป็นต้น
- การเก็บรวบรวมข้อมูล เมื่อระบุตัวแปรซึ่งมีความแตกต่างกัน ความแตกต่างกันในกลุ่มที่ศึกษา โดยผู้วิจัยจะทำการเก็บรวบรวมข้อมูล โดยอาจจะใช้เครื่องมือต่างๆในการวัด โดยอาจจะเป็นแบบสอบถามหรือเครื่องมืออื่นๆ
- การวิเคราะห์ข้อมูลแปลผล การวิเคราะห์ข้อมูลสามารถใช้เครื่องมือทางสถิติ ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้หลากหลาย อย่างเช่น การวิเคราะห์ความแปรปรวน การวิเคราะห์การถดถอยพาหุสูตร การวิเคราะห์เส้นทางการวิเคราะห์ความแปรปรวนร่วม
- การแปลผลจากข้อมูลที่ได้จากการวิเคราะห์ข้อมูล ขั้นตอนนี้ผู้วิจัยจะต้องนำผลจากการวิเคราะห์มาตีความ เพื่อให้ได้ข้อสรุปซึ่งเป็นขั้นตอนที่สำคัญเป็นอย่างมาก โดยการตีความจะต้องดูว่า มีปัจจัยหลักเป็นตัวแปรที่มีความสัมพันธ์เด่นชัดที่สุด กับตัวแปรตามหรือไม่ หรือปัจจัยตัวใดที่มีความสัมพันธ์เด่นชัดสุด กับตัวแปรตามหรือผลที่ได้มีปัจจัยใดมาเกี่ยวข้อง และมีน้ำหนักเป็นอย่างไรและมีปัจจัยหลักใดที่มีแนวโน้มจะเป็นสาเหตุสำคัญทำให้เกิดผลดังกล่าว
ข้อดีของการวิจัยเปรียบเทียบสาเหตุ
- เป็นการวิจัยที่เหมาะสำหรับการศึกษาปัญหา ที่ไม่สามารถทำการทดลองได้ เพราะหากว่าใช้วิธีการทดลอง จะสิ้นเปลืองเวลาและงบประมาณเป็นอย่างสูง
- การวิจัยแบบนี้ให้ข้อมูลกว้างมากกว่าการวิจัยทดลอง เพราะสามารถศึกษาตัวแปร ได้อย่างครอบคลุม
- ในการศึกษาบางกรณีนั้น การศึกษาเปรียบเทียบสาเหตุ เหมาะสมมากกว่าการวิจัยทดลอง โดยเฉพาะในการศึกษาสถานการณ์ที่ต้องการความเป็นธรรมชาติ
- การวิจัยเปรียบเทียบเหมาะสำหรับ การศึกษาความสัมพันธ์สาเหตุที่ไม่ซับซ้อนถ้าเหมาะสำหรับการศึกษาวิจัย สำหรับการเริ่มต้นเพราะข้อมูลสามารถบ่งชี้ ถึงแนวโน้มความสัมพันธ์สาเหตุได้
ข้อจำกัดของการวิจัยเปรียบเทียบสาเหตุ
- ในการวิจัยผู้วิจัยไม่มีความรอบรู้ หรือไม่ระมัดระวังในการวิจัย อาจจะทำให้ผลในการวิจัยคลาดเคลื่อน
- การสรุปผลทำได้ยาก หากมีตัวแปรที่มีอิทธิพลหลายตัวแปร
- ผลที่เกิดขึ้นในต่างวาระนั้น อาจจะมาจากสาเหตุที่แตกต่างกัน ดังนั้นจึงยากที่จะสรุปผลได้
- ความสัมพันธ์สาเหตุ อาจผูกพันจากความหมาย ทำให้สามารถสรุปผลได้ยาก เนื่องจากมีหลายสาเหตุ
ดังนั้นใครก็ตามที่กำลังมองหาทีมงานมืออาชีพ ที่พร้อมให้คำปรึกษา คำแนะนำและให้ความช่วยเหลือ พร้อมรับทำวิจัยวิจัยเปรียบเทียบสาเหตุ (Causal-Comparative Research) ที่มีคุณภาพ บนพื้นฐานของราคาที่ยุติธรรม
Correlational Research
รับทำวิจัยสหสัมพันธ์ รับให้คำปรึกษาวิจัยสหสัมพันธ์ และจัดอบรมการทำ thesis สหสัมพันธ์พรรณนา แบบเดี่ยวแบบกลุ่ม การวิจัยสหสัมพันธ์นับได้ว่าเป็นการวิจัยรูปแบบหนึ่ง ซึ่งเป็นการวิจัยบรรยาย นิยมในการนำไปใช้ สำหรับการศึกษาปรากฏการณ์ต่าง ๆ ทางด้านวิทยาศาสตร์ มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์กันอย่างแพร่หลายนั่นเอง
โดยมีจุดประสงค์เพื่อค้นหาว่าตัวแปรอะไรบ้าง ที่เกี่ยวข้องหรือสัมพันธ์กันหรือการหารูปแบบของความสัมพันธ์ ระหว่างตัวแปรต่างๆไม่ว่าจะเป็นความหนักเบา หรือความเข้มข้นหรือเป็นการคาดคะเนตัวแปรหนึ่ง หรือหลาย ๆ ตัวแปรนั่นเอง โดยการค้นหานี้สามารถนำไปพัฒนาเทคนิค และวิธีการต่าง ๆ และนำมาซึ่งการวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อตอบคำถามในการวิจัยต่อไป ตัวอย่างในการวิจัยสหสัมพันธ์ เช่น การวิจัยความสัมพันธ์และการพยากรณ์ระหว่างตัวแปรต่างๆ
ลักษณะความสัมพันธ์ของตัวแปรในการวิจัยสหสัมพันธ์
ความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรนั้น มีด้วยกัน 3 ลักษณะคือ
- ความสัมพันธ์แบบสมมาตรความสัมพันธ์
- ความสัมพันธ์แบบไม่สมมาตร
- ความสัมพันธ์แบบตอบโต้
ความสัมพันธ์ทั้ง 3 ลักษณะนี้ สามารถอธิบายได้เหตุและผล ซึ่งจะเกิดขึ้นจากการวิจัยทดลอง
รูปแบบในการวิจัยสหสัมพันธ์
- The Explanatory Designเป็นการหาความสัมพันธ์ของตัวแปร 2 ตัว เพื่อบรรยายความสัมพันธ์ใน 2 ลักษณะ โดยดูที่ขนาดของความสัมพันธ์ ว่าตัวแปร X และตัวแปร Y มีความสัมพันธ์กับแบบใด หรือ ทิศทางความสัมพันธ์แบบแปรแปรผันตามกันหรือว่าแปรผกผันกันแน่
- The Prediction Designเป็นการหาความสัมพันธ์ทำนาย โดยอยู่บนพื้นฐานของความสัมพันธ์บรรยาย ให้ลึกซึ้ง โดยใช้ตัวแปร x ทำนายตัวแปร y
กระบวนการวิจัยสหสัมพันธ์
มีกระบวนการหรือขั้นตอนคล้ายกับการวิจัยทั่วไป แต่มีรายละเอียดขั้นตอนดังต่อไปนี้คือ
- การกำหนดปัญหาการวิจัยและการตั้งชื่อเรื่อง มักที่จะชี้ให้เห็นถึงความสัมพันธ์ ระหว่างตัวแปรที่จะศึกษามีตั้งแต่ความสัมพันธ์แบบง่าย ไปจนถึงความสัมพันธ์หลายตัวแปร
- การกำหนดวัตถุประสงค์ของการวิจัย การกำหนดวัตถุประสงค์จะอยู่บนกรอบหลัก 3 ประการ
– เพื่อศึกษาว่าตัวแปรมีอะไรบ้าง ที่สัมพันธ์กัน
– เพื่อศึกษารูปแบบของความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรต่างๆว่า มีลักษณะแบบไหนอย่างไร
– เพื่อศึกษาระดับความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรต่าง ๆ ว่า มีมากน้อยเพียงใด - การศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง และการกำหนดกรอบแนวคิดในการวิจัย ซึ่งขั้นตอนนี้จะต้องศึกษา องค์ความรู้จากหลักการและทฤษฎีต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง หรือการวิจัยที่เกี่ยวข้องนั่นเอง
- การตั้งสมมุติฐานของการวิจัย โดยขั้นตอนการตั้งสมมุติฐานการวิจัย ต้องชัดเจน สามารถที่จะคาดคะเนคำตอบของการวิจัยได้ล่วงหน้า แบบมีหลักการและมีเหตุผล
- การออกแบบเพื่อหาคำตอบของการวิจัย ซึ่งขั้นตอนนี้ก็จะมีการกำหนดประชากรเป้าหมายและกลุ่มตัวอย่าง การสร้างและพัฒนาเครื่องมือเก็บรวบรวมข้อมูล การกำหนดวิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล การออกแบบวิธีการวิเคราะห์ข้อมูล เป็นต้น
- การจัดทำโครงการวิจัย ซึ่งจะต้องดำเนินการวิจัย โดยเขียนเป็นโครงการวิจัยแบบย่อ และโครงการวิจัยแบบสมบูรณ์
- ดำเนินการวิจัยตามโครงการวิจัยที่กำหนดไว้ โดยการกำหนดเครื่องมือสำหรับการวิจัย การเก็บรวบรวมข้อมูล และวิเคราะห์ข้อมูลออกมา
- ดำเนินการสรุปและเขียนรายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ โดยการเขียนรายงานการวิจัย มักจะมีการเขียนรายงานเป็น 5 บท ตามรูปแบบมาตรฐานของการเขียนรายงานการวิจัย
ดังนั้นใครก็ตามที่กำลังมองหาทีมงานมืออาชีพ ที่พร้อมให้คำปรึกษา คำแนะนำและให้ความช่วยเหลือ พร้อมรับทำวิจัยสหสัมพันธ์ (Correlational Research) ที่มีคุณภาพ บนพื้นฐานของราคาที่ยุติธรรมTag: รับทำวิจัยพรรณนา ให้คำปรึกษาวิจัยคุณภาพ รับทำวิจัยปริมาณ รับทำวิจัยเปรียบเทียบ รับทำวิจัยสหสัมพันธ์ รับทำวิจัยและจัดอบรมการทำวิจัย สอนการทำ Thesis
